รวม 10 เว็บไซต์สร้างรายได้ออนไลน์ที่ใครๆก็สามารถมีอาชีพเสริมผ่านอินเตอร์เน็ตได้ง่ายๆ
ถ้ารายได้ทางเดียวมันไม่พอ ก็ต้องพยายามหารายได้เสริมจากหลายๆ ทางครับ บล็อกนี้ขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวแบบไม่กั๊ก โดยจะแนะนำแพล็ตฟอร์มและเว็บไซต์สร้างรายได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ที่ตัวผมเองก็ใช้หาค่าขนมหาและของฟรีมาใช้อยู่บ่อยๆ
ซึ่งเราสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้โดยทำงานประจำไปด้วยได้อย่างสบายๆ ผมทำได้ ทุกคนก็ต้องทำได้ครับ ถ้าพร้อมแล้วลองศึกษาความแตกต่างและแนวทางสร้างรายได้จาก 10 แพลตฟอร์มที่ผมแนะนำได้เลยครับ
รวม 10 เว็บไซต์สร้างรายได้ออนไลน์ |
ทำความเข้าใจกันก่อน
การหารายได้ทางอินเตอร์เน็ตที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้ ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ คอนเซป คือ “บอกต่อสิ่งที่เราใช้ สิ่งที่เราอยากแนะนำ ให้กับเพื่อนๆ ในโลกออกไลน์ของเรา” ผ่าน Social Media ของเรา เช่น Facebook, Instagram, X หรือ Blog และเว็บไซต์ครับ เพราะอินเตอร์เน็ตทำให้เราเข้าถึงผู้คนได้มากมาย ก็เป็นช่องทางที่จะทำให้เราสร้างรายได้ได้เช่นเดียวกัน ถ้ารู้จักกับคำว่า Influencer, KOL, Blogger, Creator น่าจะช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ
ดังนั้นจำนวนผู้ติดตาม รวมถึงเทคนิคในการทำคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแนวทางหารายได้เสริมทางนี้ครับ
1. TellScore (โพสรับตังก์)
เว็บไซต์ TellScore เป็นแพลทฟอร์มที่ให้พวกเราได้เชื่อมต่อกับพวกแบรนด์ต่างๆ ที่มีสินค้าหรือบริการที่อยากให้เราแนะนำหรือบอกต่อกับเพื่อนๆของเราครับ “ง่ายๆ คือเป็นตัวกลาง” ที่จะทำให้เราได้งาน และได้เงินเข้ากระเป๋าครับ… มีทั้งแบบถ่ายรูปรีวิวทำคอนเทนต์หรือแชร์โพสมาที่โซเซียลมีเดียของเรา
คอนเซปของ TellScore คือ การโพสหรือแชร์คอนเทนส์ ผ่าน Social Media ของเราครับ “โดยเราแต่ละคนจะได้ค่าตอบแทนในการโพสคอนเทนส์ต่อครั้งที่ไม่เท่ากัน” อาจจะตามจำนวนคนเห็นโพส, ตามจำนวน Engagement (Like, Comment หรือ Share) หรือตาม Job Score ของพวกเราที่ทางผู้จ้างจะเป็นผู้ให้คะแนนเราด้วย ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะมีข้อกำหนดในการใช้งานค่อนข้างเยอะ (ผมอ่านแล้วยังเข้าใจยากเลย) ลองเข้าไปทำความเข้าใจและลองสมัครได้เลย
2. Shopee Affiliate Program (รับค่าคอมมิชชั่นจากการขายของในช้อปปี้)
ในช้อปปี้ๆๆ เสื้อผ้าดี้ๆๆๆ เชื่อว่าทุกคนต้องคุ้นเคยกับเพลงหลอนหูของ Shopee ซึ่งผมมั่นใจมากว่าทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ต้องเคยซื้อของผ่าน Shopee มาแล้วแน่นอน ดังนั้น ช้อปปี้จะเป็นแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ชอีกแหล่งหนึ่ง ที่เราจะสามารถทำเงินได้ผ่านระบบ Shopee Affiliate Programme ด้วยเช่นกันครับ โดยทาง Shopee จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายผ่านลิงก์ Affiliate ของเรา เป็นการหารายได้แบบไม่ต้องลงทุน (แต่ลงแรง) แถมเพื่อนได้สินค้าดีๆ เราได้ค่าคอมมิชชั่น!
อ่านคู่มือการใช้งาน Shopee Affiliate Programme ได้ที่นี่
3. Casting Asia -ปิดให้บริการ-
เว็บไซต์ Casting Asia ก็เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่ช่วยหางานมาให้เราครับ คอนเซปใกล้เคียงกับเว็บไซต์ก่อนหน้านี้ คือ “เป็นแพลทฟอร์มตัวกลางระหว่างแบรนด์กับเรา” งานก็จะเข้ามาโชว์ทางเว็บไซต์ ถ้าเราอยากโพสคอนเทนส์ไหน ก็กดเข้าไปรับงานนั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ที่นี่ชอบให้โพสทาง IG ครับ (แต่เว็บนี้ผมไม่ค่อยชอบ เพราะติดต่อกับทีมงานไม่ได้เลย อีเมล์ก็ไม่ตอบ คอลเซนเตอร์ก็ไม่มี ระบบไม่ค่อยดีอีกต่างหาก เพราะผมเคยทำให้แล้วสถิติไม่ขึ้น ก็คือ ตังก์ไม่ได้ เซ็งมาก)
Casting Asia ดูสบายๆง่ายๆกว่าครับ แบรนด์ที่เข้ามาก็น่ารับงานเกือบทั้งหมด ส่วนระบบการจ่ายค่าตอบแทนให้พวกเราจะแตกต่างจากเว็บไซต์ก่อนหน้านี้…. โดยที่ระบบจะกำหนดเพดานของแต่ละแคมเปญนั้นๆเอาไว้ ซึ่งเค้าจะแยก “ค่า Post” กับ “ค่า Engagement” ทำให้เราได้เงินแปรผันตามจำนวน Like ครับ ทำให้อันนี้ก็จะเหมาะกับคนที่มีเพื่อนหรือคนติดตามเยอะๆ
4. Motiveinfluence (ใช้คะแนนแลกของ)
คอนเซปของที่นี่ค่อนข้างจะน่ารัก.. คือ Influencers “การสะสม Point จากงานที่ตัวเองรับงานไว้และโพสงานให้เค้าแล้ว” เมื่อคะแนนถึงระดับนึงก็สามารถเอาคะแนนมา Redeem ของได้จากระบบครับ ซึ่งของรางวัลก็มีตั้งแต่ Cash Voucher, Gift Voucher จากห้าง, ร้านกาแฟ, ร้านอาหาร, โรงแรมรีสอร์ท ไปจนถึงตั๋วเครื่องบิน คะแนนแลกของเริ่มต้นที่ 900 Points คร้าบ
รูปแบบ campaign ของ Motive influence ก็จะมีคอนเซปคล้ายๆกับ Tell Score และ Casting Asia ครับ คือ “เป็นตัวกลางระหว่างทางลูกค้าหรือแบรนด์ต่างๆ” ที่เค้าต้องการให้เราช่วยโพสของผ่าน Social Media ของพวกเรา และที่ Motive influence จะแยกให้โพสระหว่าง IG กับ Facebook สิ่งที่ให้ทำค่อนข้างง่ายยย ข้อจำกัดน้อย-น้อยมาก แต่ค่อนข้าง Need จำนวน Follower หรือจำนวนผู้ติดตามหรือจำนวนเพื่อนของพวกเราครับ
5. Google AdSenses (พาร์ทเนอร์ Placement กับ Google )
Platform ทำเงินของ Google ครับ ทั้งคนที่เค้าเป็น Youtuber และ Blogger ต้องใช้ตัวนี้ในการสร้างรายได้ครับ ผมคิดแทนให้ว่า “มือใหม่อาจจะเข้าใจยากสักนิด ลองผิดลองถูกจะทำเป็นและมีแนวทางเป็นของตัวเอง” ซึ่งมันไม่ยากเกินความสามารถ ถ้าพวกเราอยากที่จะศึกษาการทำเงินทางออนไลน์อย่างจริงจังครับ…
ช่องทางการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Google AdSense |
ส่วนตัวผมชอบช่องทางทำเงินช่องทางนี้มากที่สุด เพราะไม่ต้องใช้จำนวนแฟน, ไม่ต้องใจยอดไลก์, ไม่ต้องใช้รูปร่างหน้าตา “แต่ใช้ใจและความพยายามล้วนๆครับ” แต่เว็บไซต์ทำเงินแห่งนี้เพื่อนๆ “จำเป็นต้องมี blog / เว็บไซต์เป็นของตัวเอง หรือมี Youtube Channel ที่ผลิตคอนเทนส์ด้วยตัวเอง” และต้องพอจะมีความรู้เรื่อง Html หรือ Coding ด้วยเล็กน้อยครับ (มือใหม่ผมก็แนะนำ Blogger.com หรือ WordPress.com ครับ) ซึ่งการสมัครใช้งาน AdSenses และการหารายได้นั่นจะมีรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนที่ต้องเข้าใจครับ
“ใครที่สนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง.. ผมสามารถแชร์วิธี Shortcut และ How to ให้ได้ครับ ติดต่อเข้ามาได้เลย มีคอร์สทำเงินผ่าน AdSense สายขาวสายสะอาดที่ผมได้เงินมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมาครับ เรียนแบบตัวต่อตัว… ปูพื้นฐานให้เพื่อให้ทุกคนหารายได้จากออนไลน์เหมือนที่ผมทำอยู่เป็นงานอดิเรกครับ”
6. Fastwork (ฟรีแลนซ์ทำเงิน)
ฟาสเวิร์คเป็นเว็บไซต์สำหรับเพื่อนๆที่มีทักษะเฉพาะด้าน หรือมีความสามารถพิเศษ ก็สามารถทำเงินในลักษณะรับงานเป็นฟรีแลนซ์ได้เหมือนกันครับ… โดยเว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์แหล่งรวมงานจากผู้ว่าจ้าง ที่ผู้จ้างสามารถเข้ามาเลือกคนทำงานจาก Portfolio ครับ…ถ้าเพื่อนๆเป็น Graphic Designer, VDO Editor, Writer, Architecture ect. ก็หารายได้จากเว็บนี้ได้ครับ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเพื่อนๆ ถนัดด้านไหน ก็สามารถทำงานหาเงินเพิ่ม ได้จากเว็บไซต์นี้ครับ
ที่นี่มีระบบค่อนข้างดีทีเดียวครับ Profile ของเราจะถูกจัดกลุ่มตามความสามารถ ไม่ว่าจะเป็น งานด้านกราฟฟิค, งานด้านตัดต่อ, งานด้านการเขียนหรือแปลภาษา, งานด้านทำเว็บหรือพวกโปรแกรมมิ่ง, งานด้านการตลาด, งานด้านที่ปรึกษา หรือแม้แต่เป็น Net Idol ฯลฯ ก็สามารถเข้ามาหางานในนี้ได้ครับ !!! ทีนี้ ไม่ว่าเพื่อนจะอยู่ที่ไหนของโลกใบนี้.. ก็สามารถทำเงินผ่านออนไลน์ได้แล้ว เจ๋งไปเลย
7. REVU (รีวิวรับของฟรี รับบริการฟรี) -ปิดให้บริการ-
ส่วน REVU (เรวู) เป็นเว็บไซต์แพลทฟอร์มสำหรับผู้ที่ชอบเขียนรีวิวบนบล็อกครับ.. แต่ว่าคอนเซปของเว็บไซต์นี้ “พวกเราจะไม่ได้เงินเป็นค่าตอบแทนนะ” แต่จะได้ของที่เราอยากได้มารีวิวแทน ง่ายๆคือ เขียนรีวิวสินค้าตามการใช้งานจริงๆของพวกเรา แค่เค้าก็จะมีโจทย์กำหนดอยู่พอสมควร ว่า ให้เขียนรีวิวอย่างไรบ้าง ใส่คีย์เวิร์ดอะไรบ้าง…. อันนี้แหมาะมากสำหรับ Blogger มือใหม่ครับ เพราะเราจะได้ฝึกการเขียนรีวิวฝึกถ่ายรูปสินค้าจากสินค้าของจริงไปเลย ถ้าเขียนดีก็เตรียมรับงานรับเงินโดยตรงผ่านแบรนด์ได้เลยครับ ผมคอนเฟิร์ม
นอกจากผมจะได้ของที่อยากได้มาด้วยแล้ว ยังทำให้ผมสร้างรายได้อีกทางจากทั้งของ “SellZabuy” คือ ใส่แบนเนอร์สินค้าและแทรกลิงก์สินค้าของผมลงไปด้วย และเว็บไซต์อันสุดท้ายที่ผมจะแนะนำต่อไปที่จำทำให้พวกเรา “หารายได้อย่างยั่งยืนและมั่นคงอีกด้วยครับ” ซึ่งทั้ง REVU และ AdSense จำเป็นต้องมีบล็อกครับ
8. LAZADA Affiliate (ช่วยขายของกับลาซาด้า)
โปรแกรมช่วยขายของ Lazada Affiliate |
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ชที่เรารู้จักกันดี เพราะเข้าไปหาซื้อของออนไลน์กันอยู่บ่อยๆก็มีระบบสำหรับคนที่อยากช่วยขายของด้วยครับ ชื่อว่า Lazada Affliate เราสามารถเลือกโปรโมทแคมเปญต่างๆของ Lazada ได้ หรือเลือกโปรโมทสินค้าแต่ละตัวที่มีขายอยู่ในลาซาด้าก็ได้ ซึ่งจะมี Bonus Commission ต่างกัน (มีตั้งแต่ 4% – 20% Bonus Rate)
9. ACCESSTRADE Affiliate Platform (แอ็กเซสเทรด)
แอ็กเซสเทรด เป็นระบบการตลาดแบบแอฟฟิลิเอตที่ผมคิดว่าเป็นที่รวบรวมแคมเปญร้านค้าออนไลน์แบรนด์ดีๆ ที่ใช้บริการ Affiliate Program กับทาง Accesstrade ทั้ง e-commerce, การเงิน, ประกันภัย, ประกันชีวิต, สินค้าแฟชั้น. สินค้าไอที ฯลฯ โดยเค้าจะจ่ายผ่านระบบ CPA. (Cost per action) เป็นการจ่ายค่าตอบแทนเมื่อมีการซื้อสินค้าหรือบริการผ่านพวกเรานั่นเองครับ
เท่าที่ผมลองใช้ระบบ Affiliate ของ Accesstrade มาสักพักใหญ่ ต้องบอกว่าระบบเค้าจะมีแคมเปญต่างๆอัพเดทเข้ามาเรื่อยๆครับ เราสนใจจะสมัครเป็นนายหน้าแคมเปญไหน ก็ต้องยื่นสมัครในแต่ละแคมเปญอีกที.. เพราะแต่ละแคมเปญจะมีการคำนวณค่าคอมมิชชั่นที่แตกต่างกัน และระบบรีพอร์ทค่อนข้างแยกให้เห็นในด้านต่างๆค่อนข้างชัดเจนครับ
“จริงๆเจ้านี้เป็นอีกเจ้านึงที่คนหารายได้ออนไลน์มักนิยมไปสมัครเพื่อเอาลิงก์มาโปรโมทครับ ใครที่สนใจหรืออยากลองสมัครก็คลิกที่ลิงก์ด้านล่างได้เลย เจ้านี้สมัครไม่ยากครับ ขอเพียงแค่มีช่องทางออนไลน์ที่เราเป็นเจ้าของครับ”
10. INVOLVE ASIA (ศูนย์รวมแคมเปญ Affiliate Platform)
ที่ involve asia ถือว่าเป็นศูนย์กลางอีก 1 ที่ที่รวบรวมสินค้าและบริการต่างๆไว้มากมายที่พวกเราสามารถไปเอาลิงก์มาทำ Affiliate Campaign เพื่อสร้างรายได้ออนไลน์ให้กับเราได้ครับ.. ข้อดีของที่นี่คือเป็น Affiliate Marketing ยุคแรกๆของเมืองไทย มีระบบ Performance Dashboard และ Tools ที่ดีและดูง่าย เหมาะกับนัก affiliate มือใหม่
ในส่วน Affiliate Campaign ต่างๆมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย ทำให้เราสามารถเลือกหยิบมาโปรโมทตามความถนัดของเราได้ ซึ่งในแต่ละแคมเปญก็มีรายละเอียดที่ชัดเจนเข้าใจง่าย มีการเตรียม Material หรือ Banners หลายๆขนาดให้เราพร้อมโปรโมทฯ และที่สำคัญ มีผู้ที่ดูแลเราที่เป็นคนไทย ติดต่อง่ายมากๆครับ มีเว็บไซต์อีกเยอะมากที่เป็นแบบ Affiliate Center แต่อาจจะมีซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่ ดังนั้นใครที่พึ่งเริ่มหารายได้จาก Affiliate Marketing ผมอยากให้เริ่มที่ involve asia นี่แหละครับ
11. Tiktok Affiliate Program (Tiktok ติดตระกร้า)
แพลตฟอร์มติดตระกร้ายอดนิยมในปัจจุบันที่เราสามารถสร้างรายได้ด้วยคลิปวีดีโอสั้นๆ สำหรับวิธีการสร้างรายได้บนแพลตฟอร์ม Tiktok นั้นจะต้องทำการเปิดร้าน Tiktok Shop ก่อน หลังจากนั้นก็ทำการเพิ่มสินค้า (ติดตระกร้า) ที่มีขายอยู่ใน Tiktok Shop ในร้านของเราครับ
Tiktok ติดตระกร้า กับ Tiktok Affiliate |
ที่เหลือก็แค่ทำรีวิวหรือแนะนำสินค้าในรูปแบบวีดีโอสไตล์ Tiktok แต่ก่อนโพสก็ให้เลือกสินค้าติดตระกร้าที่เกี่ยวข้องกับวีดีโอที่เราทำการรีวิวครับ ถ้ามีคนกดสั่งซื้อของจากวีดีโอของเรา เราจะได้รับส่วนแบ่งเป็น "ค่าคอมมิชชั่น" ตามส่วนแบ่งที่ร้านแต่ละร้านได้กำหนดเอาไว้
ทั้งนี้ “ตัวตนของเรา” (Personal branding) คือแนวทางในการสร้างคอนเทนส์สำคัญที่สุดครับ เราต้องหาจุดยืนหรือ Personality ของตัวเราให้เจอก่อนว่าเราถนัดด้านไหน เชี่ยวชาญอะไรเป็นพิเศษ ชอบอะไร อาจจะชอบเที่ยว, ชอบกิน, ชอบเรื่องการเงิน, ชอบไอที, ชอบเล่นเกม ฯลฯ “ถ่ายทอดสิ่งที่เราถนัดออกมาให้คนอื่นเห็นก่อน” แล้วเค้าจะเชื่อในสิ่งที่เราอยากบอกต่อครับ
อยากจะฝากไว้ว่า "ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ได้มาเร็วๆ อย่าหาช่องทางลัด" เรื่องที่ผมนำมาแบ่งปันนี้ต้องใจเย็นๆ อาศัยทั้งเวลา และประสบการณ์ และต้องศรัทธาในสิ่งที่ตัวเองทำ ทุกคนก็จะพบกับช่องทางออนไลน์ที่ช่วยให้เราสามารถหารายได้ในรูปแบบ Passive Income ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันได้ไม่ยากครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น