อย่าพึ่งซื้อ Apple Watch ถ้ายังไม่รู้ 8 ข้อเสียจากปากผู้ใช้ตัวจริง
ผมลังเลว่าจะซื้อ Apple Watch มาใส่ดีไหม ตั้งแต่ซีรีส์ 3 ซึ่งเหตุผลส่วนตัวที่ทำให้ตัดสินใจไม่ซื้อ Apple Watch มาใส่ในตอนนั้น ก็คือเรื่อง “ความเปราะบาง” เพราะผมชอบเดินป่า ชอบไปเที่ยวแนว adventure ใส่นาฬิกาถึกๆทนๆลุยๆ ดีกว่า.. จะซื้อให้เปลืองตังก์ทำไม !
แต่… สุดท้ายก็อดใจไม่อยู่ ซื้อ Apple Watch ในซีรีส์ 5 มาใส่จนได้ ผมเลือกรุ่น Nike หน้าจอ 44mm แบบ Cellular เพราะซื้อจาก AIS ใช้สิทธิ์ Serenade เอาส่วนลด เพิ่ม cash back จากบัตรเครดิต จนคิดว่าไม่แพงเท่าไหร่แถมผ่อนได้ด้วย… ซื้อก็ได้ หลังจากได้ใช้จริงๆมา 1 เดือน ก็ได้รู้ข้อเสียจนหมดเปลืองครับ
อย่าพึ่งซื้อ Apple Watch ถ้ายังไม่รู้ 8 ข้อเสียจากปากผู้ใช้ตัวจริง |
1. ต้องชาร์จทุกวัน
ใช่แล้วครับ… มันต้องชาร์จทุกวัน อยู่ได้วันกว่าๆ ก็สู่ขิตแล้ว เพราะแบตไม่ไหวเกิน 2 วัน ดังนั้นกลับบ้านไปทุกวันก็ต้องมีภาระกิจเพิ่มอีกอย่างนึงคือ ต้องชาร์จ Apple Watch ทิ้งไว้เลยหลังถอด.. เคยลืม ถอดแล้วไม่ชาร์จ หรือคิดว่าจะชาร์จก่อนนอนก็ลืม ไม่พ้นวันได้ไปแล้วคับ
2. ต้องพกสายชาร์จเพิ่ม
ใช้แล้วครับ… มันมีที่ชาร์จเฉพาะ ถึงแม้ความล้ำของที่ชาร์จจะได้ใจผมตรงที่มันเล็ก และเป็นแม่เหล็กที่ติดแน่น แต่ถ้าไปไหนมาไหนข้ามคืน ก็ต้องพกสายชาร์จ Apple Watch อีกอันเพิ่มด้วย เสี่ยงต่อการลืมและหายแน่นอนครับ
3. ยังตรวจจับการนอนไม่ได้
ใช่แล้วครับ… มันยังไม่มีฟังก์ชั่นตรวจจับการนอนในตัว หรือ Sleep Tracking ไม่เหมือน Smarth Watch ยี่ห้ออื่นๆที่เค้าตรวจจับและวิเคราะห์สิ่งนี้มาได้นานแล้ว แต่เอาจริงๆด้วยตัว Apple Watch เองไม่ค่อนเหมาะกับการใส่นอนเท่าไหร่ เคยใส่แล้วไม่สบายข้อมือครับ “อีกอย่างคือถ้าใส่นอนก็จะไม่ได้ชาร์จด้วยยยยนะครับ ฮืออออ”
4. Joox ยังไม่รองรับ
ใช้แล้วครับ… ยังไม่รอบรับ Joox คือมันไม่มี App Joox ใน Apple Watch ครับ เพราะผู้พัฒนาแอพฯยังไม่ทำแอพฯใน AW ผ่านมาจนซีรีส์ 5 แล้วก็ยังไม่มี ดังนั้นผมฟันธงเลยว่า ถ้าใครเป็นสมาชิก Joox ก็จะไม่เหมาะ คือมันกด Play/Pause แค่เหมือนเป็นรีโมท แต่นอกนั้นทำอะไรไม่ได้เลย
5. เสียสมาธิกับ Notification
ใช้แล้วครับ… การแจ้งเตือนทุกๆอย่างบน Apple Watch จะทำให้เราเสียสมาธิได้ เพราะมันส่งเสียงและสั่นบ่อยครั้งบนข้อมือเรา แน่นอนว่าในบางครั้งก็ต้องใช้สมาธิ… นี่คงเป็นอีกเหตุผลที่แบตฯค่อนข้างหมดไว ปล.ผมจึงเลือกเปิด Notification แค่บางแอพฯที่จำเป็นเท่านั้นครับ
6. ต้องทะนุถนอม
ใช่แล้วครับ… มันบอบบางพอสมควร นี่ยังไม่ทันไรแขนผมก็ดันแกว่งไปโดนอะไรไม่รู้โดยไม่ตั้งใจ ได้รอยขีดขนแมวลึกๆมา 1 เส้น จึงไม่เหมาะกับการใส่ไป Adventure อย่างยิ่ง… ถึงแม้จะมีพวก accessory ป้องกันจอ มี case ให้ใส่ accessory ซึ่งก็ต้องเปลืองเงินและลดความสวยของ Apple Watch ไป
7. Cellular ในตัว แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้
ใช่แล้วครับ… ถึงตอนนี้ผมก็ยังต้องพกมือถือตลอดเวลา จริงอยู่ที่มันมีลำโพงในตัว สามารถโทรออก-รับสายได้ แต่ก็ต้องพึ่ง AirPod เพื่อการสนทนายาวๆอยู่ดี และก็ต้องจ่ายค่าบริการรายเดือนสำหรับ NumberShare เพื่อใช้งานโทรฯ ข้อความ ใช้เน็ตด้วย เคยใช้ “ครั้งเดียว” ตอนมือถือแบตหมด… กดโทรและพูดผ่าน Apple Watch ได้เลย แต่ก็นั่นแหละ นานๆ ใช้ทีครับ
8. ฟังเพลงโดยไม่มี iPhone ?!
ข้อสุดท้าย ที่เสียอารมณ์สุดๆคือ Streaming เพลงผ่าน Apple Watch ได้จริง “แต่ ณ ตอนนี้มันได้แค่ Apple Music เท่านั้น” กะจะวิ่งไปฟัง Spotify ไปโดยที่ไม่พกมือถือ…มันไม่ได้ครับ !!! เซ็งมาก.. ดังนั้นใครอยาก streaming เพลงผ่าน Spotify หมดสิทธิ์ คุณไม่ได้รับสิทธิ์นั้น และถ้าใช้ Joox ด้วยแล้ว ยิ่งห่วย เพราะยังไม่มี App บน Apple Watch ด้วยซ้ำครับ
อย่าพึ่งซื้อ Apple Watch ถ้ายังไม่รู้ 8 ข้อเสียจากปากผู้ใช้ตัวจริง |
เอาละครับ ซึ่งถ้าเพื่อนๆรับข้อเสียพวกนี้ได้ หรือไม่ได้มองมันเป็นข้อเสีย.. ถ้าชอบและไม่ได้ลำบากเรื่องการจ่าย ก็ซื้อเถอะ!!! แต่ถ้าซื้อมาแล้ว “ใช้ดูเวลาเพียงอย่างเดียว” แน่นอนว่ามันไม่คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไปแน่นอนครับ จริงอยู่ที่ข้อดีของ Apple Watch มันก็มีเยอะ แต่หวังว่า… ข้อเสียที่ผมว่ามา จะช่วยให้ตัดสินใจได้นะคร้าบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น