ดอยห้วยทู่ กับเส้นทางเดินป่าสุดมันส์ 8 ด่าน ที่ผ่านไหล่เขาและสายหมอก
ดอยห้วยทู่ หรือดอยทู่ เป็นจุดกางเต้นท์อีกจุดหนึ่งที่ผมประทับใจมากครับ เพราะตลอดระยะทางการปีนเขาจะได้เดินลัดเลาะบนสันเขาไปจุดกางเต้นท์ ผมได้สัมผัสกับทัศนียภาพที่แปลกตาและตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากครับ ในนช่วงหน้าฝนทางชันบางเส้นทางจะลื่นมากต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่คุ้มค่า สายเดินป่าแคมป์ปิ้งไม่ควรพลาดครับ ดอยห้วยทู่มีความสูง 1,384 ม. เดินเท้าประมาณ 6 กม. ใช้เวลาเดิน 5 ชม. โดยประมาณครับ
ดอยห้วยทู่ กับเส้นทางเดินป่าสุดมันส์ ที่ผ่านไหล่เขาและสายหมอก |
กรุงเทพฯ - คุ้มป๋าต๋อง จ.ตาก
ผมเริ่มการเดินทางครั้งนี้โดยขับรถจากกรุงเทพไป จ.ตาก โดยเราจะไปพักค้างคืนที่ “คุ้มป๋าต๋อง” ต.ทุ่งกระเชาะ อ.บ้านตาก กันก่อน 1 คืน เพื่อสแตนบายรอขึ้นดอยในช่วงเช้าของอีกวันนึง ที่นี่ก็เป็นเหมือนโฮมสเตย์ที่จะเป็นจุดรวมตัวของนักเดินป่า โดยคุ้มป๋าต๋องจะช่วยเราประสานงานกับชุมชน ติดต่อกับรถ 4W รวมถึงลูกหาบและคนนำทางให้
ที่นี่จะมีค่าใช้จ่าย 300 บาท/คน ก็จะรวมค่าใช้สถานที่ในการพักผ่อน ที่จอดรถ ห้องอาบน้ำ จุดล้างอุปกรณ์ มีอาหารให้สำหรับ 3 มื้อ ก็จะมีมื้อเช้า, ห่อข้าวกลางวันระหว่างเดิน และ มื้อบุฟเฟ่ต์กลางวันอีกวันหลังจบทริป
การไปเดินป่าตั้งแคมป์ที่ดอยห้วยทู่นั้น เราจำเป็นที่จะต้องติดต่อและแจ้งกับทางชุมชนก่อนครับ เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินขึ้นเขา
คุ้มป๋าต๋อง จุดพักและจุดประสานงานขึ้นดอยห้วยทู่ |
รุ่งเช้า คุ้มป๋าต๋อง – หมู่บ้านลีซอ
ช่วงเช้ามืดของอีกวันพบว่า มีรถตู้หลายคันพานักเดินทางสายแคมป์ปิ้งมารอสแตนบายกันที่คุ้มป๋าต๋องเพื่อรอขึ้นรถกระบะไปจุดเริ่มเดินทางกัน (น่าจะมาถึงกันช่วงตี3-ตี4) ซึ่งที่นี่ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของนักท่องเที่ยวที่จะไปดอยห้วยทู่ และไปดอยหลวงตากด้วยครับ
จากคุ้มป๋าต๋อง จะใช้เวลาเดินทางบนหลังกระบะประมาณ 45-60 นาทีไป “หมู่บ้านลีซอ” นะครับ ทางในช่วงแรกเป็นถนนเรียบขับขี่สบายๆ แต่หลังจากที่เลี้ยวเข้าหมู่บ้านหมู่ 8 บนถนนสาย 1175 แม่ระมาด-บ้านตาก กม. 66 จะต้องเดินทางอีก 8 กม. ซึ่งจากจุดนี้จะเป็นทางขึ้นเขา ถนนทางค่อนข้างชันและเป็นลูกรัง จึงจำเป็นต้องใช้รถ 4W ในการเดินทางครับ
*รถเก๋งไม่สามารถขึ้นไปได้แน่นอน ผมคอนเฟิร์ม
เส้นทางช่วงแรกไปยังหมู่บ้านลีซอด้วยรถ 4W |
จุดเตรียมตัว ณ หมู่บ้านลีซอ
เราเดินทางถึงหมู่บ้านลีซอกันประมาณ 8.45 ครับ โดยจุดเริ่มต้นของการเตรียมตัวเดินจะอยู่ที่ลานศาลาธรรมไมตรีจิตห้วยทู่ (เป็นลานโบสถ์เหมือนจุดศูนย์กลางของหมู่บ้าน) ลูกหาบและคนนำทางในพื้นที่ก็จะมารอเราที่ตรงจุดนี้ครับ จะชั่งกิโลเพื่อคิดค่าหาบตรงนี้ (มีป้ายให้ถ่ายรูปที่จุดสตาร์ทคร้าบ)
ตรงนี้จะเป็นจุดที่เราจัดเตรียมความพร้อม เช่น เรื่องข้าวห่อกลางวัน น้ำดื่ม ถุงกันทาก เสื้อกันฝน ไม้ค้ำเดินป่า ก่อนเดินทางกัน เมื่อเราพร้อมแล้วก็ออกเดินเท้าพร้อมกันที่จุดนี้เลย โดยเราจะต้องเดินผ่านหมู่บ้านไปอีกเล็กน้อย
*ส่วนผมไม่ได้จ้างลูกหาบขนของ ต้องเตรียมแบกน้ำหนักประมาณ 11 กก. ในช่วงขาขึ้นดอยครับ
จุดเตรียมเดินเท้า ณ หมู่บ้านลีซอ |
ระยะทางเดินขึ้นขึ้นดอย 6 กม.
จากจุดเริ่มต้นที่หมู่บ้านลีซอเราจะต้องเดินเท้ากันประมาณ 6 กิโลเมตรครับ จะใช้เวลาเดินประมาณ 5 ชั่วโมง 30 นาที (แล้วแต่กำลังขาและช่วงเวลาพัก) ตลอดทางเดินเราจะได้สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของธรรมชาติที่แตกต่างกันตลอดทาง ทั้งไร่ข้าวโพด ทุ่งหญ้า ป่าดิบ ดงกล้วย ไหล่เขา สันเขา และขี้วัว !
ผมขอเป็นคนแรกที่ตั้งชื่อชื่อด่านสนุกๆ ตามธรรมชาติที่แตกต่างกันตลอดเส้นทางบ้านลีซอ-ดอยห้วยทู่ ให้ลองเปิด Map เป็นแบบ 3D จะเป็นทางขึ้นเขาและทางที่เราต้องเดินบนสันเขาอย่างชัดเจนเลยครับ ถ้าเราดู Map แบบ 2D จะเห็นระยะทางและความชันไม่ชัดเจน และผมจะเป็นคนแรกที่ตั้งชื่อด่านต่างๆ ทั้งหมด 8 ด่านด้วยครับ
จากหมู่บ้านลีซอไปดอยห้วยทู่ |
ด่านที่ 1 เนินข้าวโพดสูบพลัง
จากหมู่บ้านลีซอเราจะต้องผ่านเนินไร่ข้าวโพดกันครับ ! อุปสรรค์ของไร่ข้าวโพดในด่านแรกก็คือความลาดชันที่ต้องไต่ขึ้นไปพร้อมกับ “ความลื่นและเฉอะแฉะ” ของดินโคลนสีแดงที่มันโคตรจะติดรองเท้า !! ทำให้สูบพลังงานในด่านแรกไปพอสมควรครับ
แต่เมื่อเดินขึ้นมาถึงแล้วก็จะพบกับวิวทิวเขาโล่งๆ เป็นจุด Selfie ในด่านแรกที่เราจะต้องถ่ายรูปกับต้นไม้ 1 ต้นที่ยืนเด่นเป็นจุดสนใจของบริเวณนี้ แถมด้วยกระต็อบเล็กๆ ให้เราได้นั่งพักได้กันด้วย… จากจุดนี้ต้องเดินต่ออีกสัก 200 เมตรก็จะเข้าสู่ปากทางเข้าป่าแล้ว
ด่านที่ 1 เนินข้าวโพดสูบพลัง |
เดินยากเพราะความลื่นและโคลนติดเท้า |
ด่านที่ 2 ดงตานีกับน้องทาก
จากปากทางเข้าป่าเราก็จะรู้ทันทีว่าได้เดินเข้ามาในป่าแล้วครับ เพราะรอบๆก็จะเต็มไปด้วยป่าดงดิบ ช่วงที่ผมไปมีความชื้นสูงมากจากละอองหมอกที่อยู่รอบๆตัว ด่านนี้เราจะต้องไต่ขึ้นบนทางลาดชันเป็นระยะๆ บางจังหวะ 45-60 องศาครับ
ในด่านนี้ช่วงทางชันในจังหวะสุดท้ายก่อนขึ้นถึงด้านบนเราจะต้องผ่านดงกล้วย ที่เค้าร่ำลือกันว่าเป็นดงที่มาทากเยอะมาก แต่ช่วงที่ผมผ่านดงกล้วยนี้ ไม่เจอทากสักตัว ! ทากหายไปหมดเลย หลังจากที่เราสามารถผ่านดงต้นกล้วยขึ้นมาแล้วก็จะเป็นจุดพักบริเวณสันเขาแรกแล้วครับ
จุดนี้ก็เป็นจุด Selfie กับต้นไม้สวยๆ อีก 1 จุดเพราะเราปีนเขาขึ้นมาถึงสันเขาเตี้ยๆกันแล้วครับ เดาว่าถ้าท้องฟ้าโปร่งตรงนี้ก็จะได้เห็นทิวเขาสวยๆด้วยนะ ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินไต่สันเขาและเดินลัดเลาะหน้าผาไปเรื่อยๆครับ
ด่านที่ 2 ดงตานีกับน้องทาก |
ด่านที่ 3 ริมผาท้าระห่ำ
เมื่อเราเดินขึ้นบนสันเขามาอีกประมาณ 2 ระดับ ก็จะผ่านด่านริมหน้าผาครับ ด่านตรงนี้หวาดเสียวแต่สวยจริงๆ เพราะทางเดินจะค่อนข้างแคบ ผ่านก้อนหินใหญ่ และมีจังหวะที่ต้องปีนข้ามบันไดที่สร้างไว้คร่อมทางที่พังไปแล้วบ้าง ทำให้ตรงจุดนี้จะต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควรครับ
ด้านที่ 3 ริมผาท้าระห่ำ
|
ด่านที่ 4 สันเขาเราและนาย
เมื่อหลุดจากริมผาท้าระห่ำมาแล้ว ก็จะเหมือนหลุดมาอีกบรรยากาศนึงเลยครับ ก็จะเป็นลานสันเขากว้างๆที่พื้นเป็นพื้นหญ้าที่มีขี้วัวเต็มไปหมด น้องเวที่เป็นไกด์นำทางของเราบอกว่า ชาวบ้านอีกฝั่งนึงจะนำวัวมาเลี้ยงบนภูเขาครับ… ซึ่งจากนี้ต่อไปเราก็จะเจอขี้วัวตามทางประปรายจนถึงแคมป์ครับ
เดินฝ่าสายหมอกมรามองเห็นได้ระยะใกล้ |
ด่านที่ 5 ลานเซลฟี่มหาชน
ใช่แล้วคร้าบ ถ้าทุกคนเสิร์ชคำว่าห้วยทู่ ก็จะได้เห็นลานบินโล่งๆยาวๆ เมื่อเดินขึ้นไปถึงด้านบนวิวตรงนี้จะสวยตระการตามากครับ ทุกคนต้องเซลฟี่ แน่นอนว่าหน้าฝนแบบนี้สายหมอกไหลผ่านตัวจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลยครับ
แต่ก็อย่างที่เห็นนะครับ ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นอะไรในระยะ 100 เมตร แต่ผมได้สัมผัสถึงความสดชื่นและสายหมอกที่ไหลผ่านทุกโสตประสาท สดชื่นจริงๆ ตรงนี้ลมจะแรงมากครับ เพิ่มความยากลำบากที่ต้องเดินต้านกับกระแสลมเข้าไปอีก
เดินไต่สันเขาไปเรื่อยๆตามรอยเท้า |
ด่านที่ 6 ไต่แคมป์สุขสันต์ สู่จุดกางเต็นท์
หลังจากหลุดทางชันช่วงสุดท้ายขึ้นมาได้ ก็จะเจอกับ “จุดกางเต้นท์” ที่มีต้นไม้พอปกคลุมบนสันเขา เพื่อลดความแรงของลมได้ระดับนึงครับ น้องไกด์ในพื้นที่ของเราจึงต้องช่วยกันเคลียร์พื้นที่กางเต็นท์ก่อน เพื่อให้น้ำไม่ขัง และก็ช่วยกางเต็นท์ให้เราด้วย สุดท้ายใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะกางเต็นท์เสร็จครับ
*ทำให้ผมใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงในการเดิน และรอกางเต็นท์อีก 1 ชั่วโมงครับ … เวลา 15.00 ถึงได้นั่งอยู่ในเต็นท์ครับ
ความคิดแรกคือเป็นลานโล่งๆ พื้นหญ้าเขียวๆเหมือนลานกางเต็นท์ที่ผมคุ้นชิน แต่ที่นี่ต้องอาศัยต้นไม้เพื่อกันลม เราเลยไม่สามารถตั้งแคมป์โล่งๆได้เนื่องจากลมแรงและฝนตกครับ เลยทำให้การกางเต็นท์ค่อนข้างลำบากพอสมควรเนื่องจากฝนยังตกและน้ำขัง
พื้นที่กางเต้นท์ที่ชุ่มฉ่ำเฉอะแฉะ |
ฝนยังคงโปรยปรายอยู่ตลอดเวลา ทำให้หลังจากเข้าเต็นท์ไปแล้วก็ไม่ได้ออกมาจากเต็นท์อีกเลยบรรยากาศช่วงหัวค่ำค่อนข้างกร่อย เพราะไม่สามารถออกไปไหนได้เลยครับ (ออกมาอีกทีตอนปวดฉี่) นั่งๆนอนๆอยู่ในเต็นท์และต้มน้ำร้อนเพื่อกินมาม่าเป็นมื้อเย็นครับ
สุดท้ายนอนอยู่ในเต็นท์ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำตลอดทั้งคืน นอนหลับไม่ลงจริงๆ ครับ เพราะเสียงลมที่พัดผ่านบริเวณนี้มันเหมือนเรานอนอยู่ท่ามกลางพายุในทะเล เสียงคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดชายฝั่งทำอารมณ์ค่อนข้างหวิวๆเล็กน้อยครับ.. สุดท้ายก็ต้องพยายามหลับให้ลง
ฝนตกตลอดเวลาเลยไม่ได้ออกไปไหนเลย |
ด่านที่ 7 ร่องรอยดึกดําบรรพ์
ถือว่าผมโชคดีมาก เพราะตื่นมา 6 โมงเช้าฝนเริ่มซาลงแล้ว จึงได้เดินขึ้นไปตรงป้ายห้วยทู่ที่อยู่อีกสเต็บนึง ซึ่งเป็นจุดปลายทางของเส้นทางห้วยทู่ จากแคมป์ต้องเดินอีกประมาณ 15 นาทีครับ ก็จะผ่านจุดที่ผมถ่ายรูปได้เสมือนบรรยากาศดึกดำบรรพ์ สวยมากๆค้าบ
เช้านี้เห็นสายหมอกชัดเจนเลยครับ ถึงฝนจะหยุดตกแล้วแต่ความชื้นบริเวณนี้ยังคงสูงอยู่ ผมรู้สึกว่าเรากำลังอยู่ในเมฆเลย ฟิลตอนนี้คือดีย์มาก ดีกว่าเมื่อวานเพราะมองไม่เห็นอะไรเลยครับ ตรงนี้มีทากครับแต่น้อยยย น้องในทริปเจอ 1 ตัวกำลังดูดเลือดอย่างบ้าคลั่งที่ข้อเท้าผม
ทางเดินขึ้นไปดอยห้วยทู่จากจุดกางเต้นท์ |
ด่านที่ 8 ขึ้นเนินป้ายทู่
ก่อนขึ้นมาถึงเนินป้ายห้วยทู่ ต้องเดินขึ้นทางชันที่ลื่นมากๆอีกสเต็ปนึงครับ แต่เมื่อผ่านขึ้นมาแล้ว โอ้โหหหลมแรงอย่างกับเดินผ่านพายุฝนเฮอริเคน ลมแรงมากกกกกกก ตัวเกือบปลิว ให้ฟิลเหมือนไม่ได้อยู่เมืองไทยเลย ถือว่าจุดนี้เป็นจุดที่ต้องมาถ่ายรูปเพื่อปิดทริปดอยห้วยทู่อย่างสมบูรณ์แบบครับ
ถ้าใครยังไม่ได้อารมณ์ที่ผมเล่ามาข้างต้น สามารถเข้าไปชม VLOG ของผมได้ที่ช่องนะคร้าบ สุดท้ายอยากฝากเพื่อนๆนักเดินทางนิดนึง “ ขยะทั้งหลายที่เราขนขึ้นไปได้ เมื่อมันหมดประโยชน์แล้ว ควรนำลงมาข้างล่างด้วยนะครับ” ไม่อยากพูดเยอะเพราะมันคือสามัญสำนึกครับ
เอาเหล้าขึ้นไปกินกันได้ ก็กรุณาเอาลงมาด้วย |
ความลื่นของโคลนในช่วงดอยห้วยทู่หน้าฝน |
เก็บความประทับใจทุกจากดอยห้วยทู่
ขากลับผมแบกกลับลงมาถึง 15 กิโล จากขยะและเสื้อผ้าที่ชื้นด้วย ทำให้ขาลงเล่นเอาหลังแข็งเลยทีเดียว แต่ก็ใช้เวลาเร็วกว่าขาขึ้นประมาณ 30 นาทีครับ เพราะทางลงทำเวลาได้ดีกว่า… แต่ก็ต้องระวังกว่าเพราะทางลื่นมาก ไม่มีทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบฉันใด ก็ไม่มีประสบการณ์ใดๆได้มาง่ายดายฉันนั้น
สรุปมาดอยทู่เที่ยวนี้ก็ไม่ได้เห็นวิวอะไรนอกจากสายหมอกและลมแรงๆครับ แต่มาเที่ยวหน้าฝนช่วงนี้ก็จะเห็นอะไร แต่ก็ประทับใจทุกอย่างระหว่างทาง เพราะเรื่องเล่าส่วนใหญ่ก็จะถูกเก็บเกี่ยวระหว่างทางนี่แหละครับ
สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางขึ้นดอยห้วยทู่
- ค่ารถจากกรุงเทพ-ตาก = เดินทางด้วยรถส่วนตัว)
- ค่าทริปจ่ายที่คุ้มป๋าต๋อง = คนละ 300 บาท (รวมค่าข้าว 3 มื้อ มือเช้า, กลางวัน และมื้อเที่ยงบุฟเฟ่ของวันกลับ)
- ติดต่อคุ้มป๋าต๋องได้ที่เบอร์ 093 816 2949
- หรือที่ facebook คุ้มป๋าต๋อง
- ค่ารถกระบะ 4W = กรุ๊ปละ 1,500 บาท
- ค่าไกด์นำทาง = กรุ๊ปละ 1,200 บาท (ถ้าไปน้อยหาเพื่อนกรุ๊ปอื่นช่วยแชร์)
- ค่าลูกหาบ = 1,200 บาท/ 20 กก. (ผมไม่เสียเพราะแบกเอง)
- ค่าเข้าสถานที่ = คนละ 20 บาท (จ่ายที่หมู่บ้าน)
มอสและตระไคร่ที่ขึ้นบนต้นไม้ทำให้เหมือนยุคดึกดำบรรพ์ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น