รีวิวเที่ยวเกาะเชจูด้วยการเช่ารถขับรถเที่ยวรอบเกาะ 3 วัน 2 คืน
บล็อกนี้ผมจะพาทุกคนไปตะลุยเที่ยวกันที่เกาะเชจูประเทศเกาหลีใต้ด้วยตัวเองกันครับ เกาะนี้เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามเป็นอย่างมาก เพราะเกาะเชจูเป็นเกาะที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้ทัศนียภาพแต่ละแห่งน่าตื่นตาตื่นใจ สมกับเป็นมรดกโลกที่เราต้องไปเที่ยวให้ได้สักครั้งครับ
รีวิวเที่ยวเกาะเชจูด้วยการเช่ารถขับรถเที่ยวรอบเกาะ 3 วัน 2 คืน |
การท่องเเที่ยวในเกาหลีใต้
จริงๆ เกาหลีใต้เป็นประเทศนึงที่ผมมาเที่ยวบ่อยมากครับ ส่วนตัวผมชอบอากาศ ชอบความใบไม้เปลี่ยนสี ชอบอาหารเกาหลี และชอบความผสมผสานของเทคโนโลยีทันสมัยกับวัฒนธรรมได้อย่างน่าหลงใหล ที่สำคัญคือเที่ยวคนเดียวง่าย การเดินทางก็สะดวก ค่าตั๋วและใช้จ่ายไม่แพง และก็ต้องกลับมาตามรอบซีรีส์นี่แหละ
ไปเกาหลีแบบ Full Service ด้วยสายการบินเกาหลี Korean Air |
การบินด้วย Korean Airlines
ผมเลือกเดินทางด้วยสายการบินโคเรียนแอร์ครับ (KE) เพราะเดินทางสะดวกที่สุวรรณภูมิ แล้วเวลาบินก็ดีด้วย แต่ช่วงเวลาที่ไป เป็นไฮซีซั่น ทำให้ราคาตั๋วค่อนข้างสูงไปนิด แต่ก็ได้สัมผัสฟีลลิ่งของเกาหลีใต้ตั้งแต่ขึ้นเครื่อง แต่คุ้มเวอร์ เพราะไม่เสียเพิ่มค่าโหลดกระเป๋า มีจอดูหนัง อาหารอร่อย และที่นั่งก็กว้างขวาง
อาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องของสายการบิน Korean Air |
ผมไปลงที่สนามบินอินชอนครับ นั่ง AREX แอร์พอร์ตเอ็กซ์เพรสไปลงที่ Seoul Station เลย ที่เลือกเดินทางด้วยวิธีนี้ เพราะสะดวกมาก วิ่งผ่าน ทุกสถานีโดยไม่แวะ ทำให้ใช้เวลาเพียง 50 นาที ก็อยู่ในกรุงโซลแล้วครับ (ราคาตั๋ว 8,000 วอน ประมาณ 200 กว่าบาท)
ตารางเวลา AREX จากสนามบินไป Seoul Station เพียง 50 นาที |
ซึ่งตั๋วแอร์พอร์ตเอ็กซ์เพรสนี้ สามารถซื้อได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติได้เลย แต่ถ้าใครไม่รีบและกระเป๋าไม่เยอะ จะใช้บริการรถไฟฟ้าธรรมดาแบบจอดทุกสถานีก็ได้ครับ ซึ่งก็จะเจาะทั้งหมดประมาณ 10 สถานี แต่ราคาก็จะถูกกว่ากันเกือบครึ่งเลยทีเดียว
เดินทางไปยังเกาะเชจูด้วย JEJU Air
ผมมีเวลาเดินเที่ยวเล่น หาของกินอร่อยๆ ในโซลอยู่หนึ่งคืนครับ เช้าวันรุ่งขึ้นต้องเดินทางไปยังสนามบินคิมโพเพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะเชจู สนามบินแห่งนี้อยู่ไม่ไกลตัวเมืองเท่าไหร่ ทำให้ใช้เวลาไม่นานในการเดินทางมาสนามบินครับ
ไปเกาะเชจูด้วยสายการบินเชจู |
ซึ่งจริงๆ เราสามารถบินตรงจากสุวรรณภูมิไปลงเกาะเชจูได้เลย ที่ต้องไปลงที่โซลก่อน มีหลายสานการบินที่บินตรงจากกรุงเทพมาลงที่เชจูได้เลย แต่จะลงที่โซลหรือลงที่เชจู ก็ต้องทำการคัดกรองด้วยระบบ k-eta ก่อนเหมือนกันครับ
ท่องเที่ยวที่เกาะเชจูด้วยรถเช่า
ผมเลือกเช่ารถขับท่องเที่ยวบนเกาะ เพราะสะดวกกว่าเดินทางด้วยรถโดยสารเป็นอย่างมาก และที่เชจูก็ไม่มีรถไฟฟ้า การเช่ารถขับทำให้สามารถไปไหนต่อไหนได้อย่างอิสระ แต่ก็มีอุปสรรคเหมือนกันนะ เพราะต้องขับพวงมาลัยซ้าย ทำให้ไม่ชินเท่าไหร่
รอรับรถเช่าที่จองไว้ที่ Lotte Rental Car |
และการจำกัดความเร็ว ในการขับรถบนเกาะเชจู ค่อนข้างจริงจังมากๆ มีระบบตรวจจับความเร็วตลอดทาง ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ก็คือช่วงผ่านหน้าโรงเรียน ที่เราต้องขับไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งบางทีเราไม่รู้ว่าจุดไหนเป็นโรงเรียน และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพไปหน่อย ทำให้ผมโดนค่าปรับไป 2,000 กว่าบาท เลยทีเดียวครับ
1. เอกสารที่ต้องเตรียมคือใบขับขี่สากล พาสปอร์ต และบัตรเครดิต (ต้องทำที่ขนส่งจากเมืองไทยไปก่อน) และต้องทำเรื่องจองไปก่อนทางเว็บไซต์ (ของผมจองที่ LOTTE https://www.lotterentacar.net/hp/eng/carLife/jejuAuto.do ) และต้องใช้บัตรเครดิตเท่านั้นในการจ่ายมัดจำ และจ่ายค่ารถครับ.. ส่วนเรื่องการรับรถนั้นของที่นี่ไม่ได้อยู่ที่สนามบิน ต้องนั่งรถชัตเตอร์บัสออกไปรับรถอีกซึ่งต้องหาจุดชัตเตอร์บัสดีๆ ไม่งั้นก็จะหลงได้ครับ
2. ไม่มีรถไฟฟ้าใต้ดินที่เกาะเชจู ถ้าเราเช่ารถขับก็ไม่จำเป็นต้องพักในเมืองก็ได้ แต่ต้องแพลนทริปดีๆ เพราะ แต่ละที่ค่อนข้างอยู่ไกลกัน และจำกัดความเร็วตลอดทาง ขนาดขับรถไปแต่ละที่ยัง 1-2 ชั่วโมงครับ ถ้าไม่เช่ารถก็อาจจะต้อง move ที่พักไปเรื่อยๆครับ อาจจะต้องแพลนทริปดีๆ ถ้าจะเที่ยวทั่วทั้งเกาะครับ
การขับรถเที่ยวบนเกาะเชจู
เกาะเชจูเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ของประเทศเกาหลีใต้ครับ เกาะนี้มีใหญ่กว่าภูเก็ตประมาณ 3 เท่า ทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะสวยๆ อยู่หลายที่ แต่การที่จะขับรถเที่ยวทั่วทั้งเกาะแบบสบายๆ อาจจะต้องใช้เวลา 3 วันบนเกาะครับ เพราะแต่ละที่ต้องขับรถประมาณ 1-2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ม้าแดงม้าขาวที่เที่ยวยอดฮิตใกล้ตัวเมือง |
ซองซาน อิลซุลบง (ยอดเขาซองซาน)
ที่เที่ยวแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คอันดับต้นๆบนเกาะเชจู เค้าว่ากันว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดบนเกาะ จนได้ฉายาว่า Sunrise Peak ซึ่งก่อนที่จะถึงทางขึ้นยอดเขานี้ จะมีที่ถ่ายรูปริมชายหาด ที่ฉากหลังเป็นภูเขาซองซานซึ่งสวยงามมากๆ ใครไปเข้าซองซาน ห้ามลืมแวะถ่ายรูปตรงนี้เด็ดขาดครับ ผมแนะนำมาก
ที่ถ่ายรูปริมชายทะเล ก่อนถึงเขาซองซาน |
ผมเดินขึ้นเขาเพียง 30 นาที ก็ถึงยอดเขาครับ ด้านบนจะมีจุดให้นักท่องเที่ยว ได้ถ่ายรูป และสัมผัสกับบรรยากาศปากปล่องภูเขาไฟในบริเวณที่กำหนดเท่านั้น แต่ก็ได้ทัศนียภาพที่สวยมากๆ บริเวณตีนเขาก็ มีร้านขายของชำ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และร้านขายส้ม ซึ่งเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของเกาะเชจู อยู่หลายร้านเลยครับ
ยอดเขาซองซาน |
ทางลงจะมีเส้นทางให้เราเดินลงไปชายหาดที่อยู่ด้านล่างครับ ถ้าเสิร์ชดูในแผนที่ตรงนี้จะชื่อว่า Umutgae Coast ผมชอบทัศนียภาพจากชายหาดฝั่งนี้ของเขาซองซานมากๆ ซึ่งตรงนี้จะมีเรือสปีดโบ๊ทพานักท่องเที่ยวไปชมทัศนียภาพรอบเขาซองซานกันด้วย และก็มีร้านอาหารทะเลที่มีอาจุงม่ามาแคะหอยขายกันสดๆเลย
Umutgae Coast บริเวณทางลงจากเขาซองซาน |
หลังจากที่เต็มอิ่มกับเขาซอง ก็ต้องขับรถต่ออีกประมาณ 30 นาที เพื่อไปเช็คอินที่พัก และก็ขับรถออกมาหาของกินอร่อยๆ มื้อค่ำมื้อแรกบนเกาะเชจูครับ มื้อนี้ต้องพิเศษหน่อยเพราะจะตามหาร้านปิ้งย่างเกาหลีหมูดำขึ้นชื่อของเกาะเชจูเค้าครับ
หมูดำ ปิ้งย่าง ต้องกินให้ได้! (ห้ามพลาด)
ของกินที่ขึ้นชื่อที่สุดบนเกาะเชจูต้องยกให้ หมูดำปิ้งย่าง! เพราะหมูดำเป็นวัตถุดิบขึ้นชื่อของเกาะเชจู ซึ่งนับว่าเป็นหมูที่ดีที่สุดของเกาหลีใต้เลย เพราะฉะนั้นใครมาเที่ยวเกาะเชจู ต้องกินหมูดำให้ได้ครับ คนเกาหลีก็นิยมกินกัน บอกได้คำเดียวว่าละลายในปาก “อร่อยเหาะมาก”
ร้านหมูดำปิ้งย่างชิลดนกา (칠돈가) |
ร้านหมูดำปิ้งย่างชิลดนกา (칠돈가)
ผมเรียกว่าหมูดำเลข 7 เพราะโลโก้ร้านมีเลข 7 อยู่สังเกตง่ายๆ ร้านนี้มีสาขาอยู่ทั่วเกาะเชจูครับ โดยสาขาหลักจะอยู่ในตัวเมืองย่าน Yongdam 2-dong ใกล้กับสนามบิน เป็นปิ้งย่างที่ใช้ถ่าน เสิร์ฟเครื่องเคียงจัดเต็มและมีผักสดๆอย่างผักคอส ใบงา พริกใหญ่ เสิร์ฟเราแบบไม่อั้นด้วย สาขาที่ผมกินอยู่แถวท่าเรือ Pyoseon
ชิ้นเนื้อหมู (ไม่ใช่สีดำเหมือนที่ผมจินตนาการไว้) หนาๆใหญ่ๆ จะถูกย่างให้โดยพนักงานหรือ “ซาจังนิม” นะครับ เพราะการย่างหมูดำที่ชิ้นหนาใหญ่ จะต้องย่างด้วยคนชำนาญ ดังนั้นเราไม่ต้องย่างเอง รอกินอย่างเดียว
ร้านปิ้งย่างหมูดำขึ้นชื่อที่เกาะเชจู |
ร้านนี้คนเยอะนะครับ ถ้าโชคดีคือได้โต๊ะเลย แต่มี่ก็ต้องลงคิวไว้ ระบบจองโต๊ะของเค้าค่อนข้างจะล้ำ คือเราต้องไปกดหน้าจอ เพื่อจองคิวที่จอรับจองในร้านก่อน แล้วก็ใส่เบอร์มือถือไว้ จะมีลิงก์เด้งเข้ามาให้ดูลำดับคิว ของผมรอโต๊ะประมาณ 30 นาที ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าแก่การรอคอย
คาเฟ่สุดชิคบนเกาะเชจู
เชจูเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคาเฟ่จริงๆครับ สำหรับคอคาเฟ่ Hopping กับคาเฟ่ล้ำๆ หลายสไตล์ บรรยากาศดีๆ เมนูเครื่องดื่มและเบอเกอรี่จัดเต็ม จะต้องชอบเมืองเชจูแน่นอน ช่วงสายของวันที่ 2 ผมเจอคาเฟ่ที่ชื่อ Orrrn ที่ติดทะเล กับสไตล์ Loft ปูนเปลือยกับกระจกใสเห็นทะเลที่ Vibe ดีมากๆ
คาเฟ่ติดทะเล สไตล์ Loft สุดชิก คาเฟ่ Orrrn ที่เชจู |
ร้านนี้เพราะโลเคชั่นอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือที่ผมจะต้องไปขึ้นเรือครับ ทำให้ผมสามารถนั่งชิวๆ ถ่ายรูป ถ่าย VLOG เรื่อยๆ ได้นานตามที่ผมจะพอใจ คนเกาหลีก็นิยมนั่งคาเฟ่ ถ่ายรูป กินกาแฟไม่ต่างจากคนไทยครับ เผลอๆ จะหนักกว่าคนไทยด้วยซ้ำเพราะเคยอ่านมาว่า คนเกาหลีเค้าดื่มกาแฟมากติดอันดับโลก
เกาะอูโด นั่งเรือ 45 นาทีจากเกาะเชจู (รวมรอเรือด้วย)
ผมนั่งเรือเฟอรี่จากท่าเรือซองไปเที่ยว "เกาะอูโด" ครับ จะบอกว่าเกาะเล็กๆ แห่งนี้สวยและมีความเป็นธรรมชาติของเกาะภูเขาไฟสูงมาก มีสภาพแวะล้อมบนเกาะที่สวยงามทั้งเกาะ น้ำใส และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาะยังมีให้เห็นทั่วทั้งเกาะ เช่น กำแพงหิน สุสานหิน ชายหาดที่เต็มไปด้วยหินลาวาเป็นจำนวนมาก
เรือเฟอรี่ไปเกาะอูโด |
บนเกาะมีสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และรถไฟฟ้าขนาดเล็กให้เราได้เช่าครับ (แต่เหมือนชาวต่างชาติไม่สามารถเช่าได้ ต้องใช้ใบขับขี่เกาหลีเท่านั้น) ทำให้ผมต้องเดินทางบนเกาะด้วยรถบัสท่องเที่ยวบนเกาะ ซึ่งซื้อตั๋วเที่ยวเดียว แต่สามารถขึ้นรถบัสเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ได้แบบบุปเฟ่ต์
ร้านรถเช่าบนเกาะอูโอ ซึ่งชาวต่างชาติเช่าไม่ได้ |
ที่ๆผมชอบมากๆ เป็นบริเวณจุด Check-in ที่มีชื่อว่า Black Sand Beach ครับ ตรงนี้เป็นทัศนียภาพที่เป็นหน้าผาสูงชันซึ่งสวยมาก เราสามารถเดินลงไปยังชาดหาดด้านล่าง และไปยังถ้ำ Dongangyeonggul ที่อยู่ด้านล่างใต้หน้าผาได้อีกด้วยครับ
ตรงบริเวณร้านอาหาร Black Sand Beach มีแนะนำร้านนึง อร่อยเหาะ เป็น จาจังเมียนสาหร่ายทะเล และ จำปงทะเล ถ้าได้มีโอกาสมาที่เกาะอูโด แนะนำให้ลองกินร้านนี้คร้าบ… จะบอกว่า มาเที่ยวเกาะอูโด ที่เดียวก็น่าจะใช้เวลาเกือบ 1 วันเต็มๆ แล้วครับ ถ้าวางแผนดีๆ เที่ยวแบบหลวมๆ บนเกาะเล็กๆแห่งนี้ก็ได้ ส่วนตัวผมอยากมานอนพักที่เกาะนี้มาก
Black Sand Beach ที่เกาะอูโด |
ซาซิมิ ปลาดิบสดๆ ที่เสิร์ฟเป็นคอร์ส
ขากลับจากเกาะอูโดก็ค่อนข้างจำเกือบค่ำแล้ว ก็ได้เวลาอาหารเย็นมื้อที่ 2 บนเกาะเชจูครับ มื้อนี้เลือกร้านอาหารทะเลสดๆ กันบ้าง โดยร้านที่ผมทานชื่อ ดามีจิน 다미진 แถวๆท่าเรือ Pyoseon เช่นกัน (วิวทะเลตอนกลางคืนจุดนี้ค่อนข้างสวย เพราะมีเรือประมงจอดเรียงรายเต็มไปหมด)
ซาซิมิปลาดิบสดๆ ที่เกาะเชจู |
ร้านนี้เป็นร้านต้นตำรับที่ที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีและชาวเชจูด้วยครับ ร้านนี้ยังได้รับการรับรองจากสมาคมท่องเที่ยวเกาะเชจูอีกด้วย ซึ่งทำให้ร้านนี้คนจะแน่นตั้งแต่หัวค่ำ
การเสิร์ฟของเค้าจะมาเป็นคอร์สๆครับ ก็ตั้งแต่ของว่างรองท้องไปจนถึงเมนคอร์ส โดยเมนคอร์สจะมีทั้งปลาหมึกทะเล หอยเมลงภู่ กุ้ง ซาซิมิหอยสังข์ หอยเป๋าฮื้อ ปลาต่างๆ ซึ่งทุกอย่างสดมาก! ของทอดก็มีอย่างเทมปุระ ปลาซาบะย่าง ฯลฯ และที่ห้ามพลาดคือเบียร์เย็นๆ คร้าบ – สรุปมื้อนี้อิ่มเวอร์
บรรยากาศเหงาๆ ที่ท่าเรือบนเกาะอูโก |
น้ำตกจองบัง (น้ำตกริมทะเล)
ส่วนตัวผมชอบทัศนียภาพของน้ำตกที่นี่มากๆครับ เพราะทิวทัศน์ของน้ำตกแห่งนี้มันอลังการมากๆ ทำให้น้ำตกแห่งนี้เป็นแลนด์ขึ้นชื่อที่มีชื่อเสียงที่สุดบนเกาะ ด้านล่างน้ำตกเป็นโขดหินสวย ถ้าจังหวะดีที่มีแสงตกกระทบสวยๆ เราจะเห็นรุ้งกินน้ำด้วย สวยเกินบรรยาย
ผมแนะนำให้ทุกคนมาที่น้ำตกจองบังให้ได้นะ เพราะเป็นน้ำตกแห่งเดียวในเอเซียที่เป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่ทะเลโดยตรงซึ่งหาชมได้ยากครับ รอบๆ ก็มีของกินอร่อยๆ อยู่หลายร้าน แหล่งท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ค่อนข้างสะดวกสบายครับ สะดวกมากๆ
น้ำตกจองบัง ที่เกาะเชจู ที่เที่ยวที่ต้องไปเมื่อมาเยือนเชจู |
โลเคชั่นของน้ำตกแห่งนี้ จะอยู่คนละฝั่งกับสนามบินเลยครับ (ฝั่งซอกวิโพ) ซึ่งถ้าใครจะขับรถ จากสนามบิน มาที่น้ำตกจองบังเลย อาจจะต้องวางแผนเรื่องการขับรถดีๆครับ เพราะจะต้องขับลัดเลาะไหล่เขาฮาลาซานที่มีความสูงที่สุดของเกาะเชจู ซึ่งคดเคี้ยวและชันพอสมควรครับ
น้ำตกจองบังบนเกาะเชจู |
เนื้อม้า! วัตถุดิบขึ้นชื่ออีกอย่างนึงบนเกาะเชจู
จบมื้อเที่ยงที่ร้านบะหมี่ทะเล (อร่อยมากกกก) ที่อยู่ติดกับกับน้ำตกจองบัง มีเมนูซุซิเนื้อม้าดิบขายด้วย ใช่ครับ… อ่านไม่ผิด เนื้อม้าดิบ! เอาจริงๆ แค่เห็นก็แทบสำลักแล้ว แต่ไหนๆก็มาแล้วต้องฝืนลองกินสักหน่อยให้มันรู้แล้วรู้รอดว่ากันไปเลย…. สรุปไม่ไหวค้าบ
พิพิธภัณฑ์ไร่ชาโอซุลล็อค
ไร่ชาที่มีชื่อที่สุดบนเกาะเชจูต้องยกให้ไร่ชาโอซูลล็อคครับ ที่เกาะเชจูมีสภาพอากาศที่เหมาะสมกับการปลูกชาเป็นอย่างมาก ทำให้ได้ผลผลิตเป็นใบชาชั้นยอด.. แวะมาที่นี่ก็ต้องห้ามพลาดร้านเครื่องสำอางแบรนด์ดังของเกาหลี รวมถึงของกินอร่อยๆ ที่เกี่ยวกับชาด้วยนะครับ
ไร่ชาโอซุลล็อค สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อบนเกาะเชจู |
แต่ผมแอบเสียดายนิดหน่อย เพราะช่วงที่ผมไปในส่วนของพิพิธภัณฑ์กำลังปิดปรุง เลยอดเข้าชมในส่วนนี้ไป แต่ก็ได้ของฝากของใช้ส่วนตัวจากที่นี่เยอะครับ เพราะครีมและเครื่องสำอางต่างๆ ราคาถูกกว่าที่ไทยเกือบครึ่ง และบางชิ้นก็ลดราคา แถมได้คืนภาษี ณ ที่จ่ายอีกด้วย เลิศๆ
สวนส้มฮัลลาบง
และกิจกรรมอีกอย่างที่ ห้ามพลาด! บนเกาะเชจูก็คือ การไปเก็บส้มและถ่ายรูปในสวนส้มครับ แต่ช่วงเวลาที่ผมไปคือพลาดไปนิด เพราะส้มในสวนถูกเก็บเรียบ! ทำให้อดได้รูปในสวนส้มสวยๆเหมือนคนอื่นเค้า- แต่ ข้างทางยังพอมีต้นส้มให้เราได้จอดรถถ่ายอยู่บ้าง รออะไรละ
เพราะระหว่างทางที่ผมขับรถก็จะเห็นต้นส้มประปรายตามทางในบางช่วงด้วยครับ หลังจากที่อกหักจากสวนส้ม ก็เลยต้องย้อนมาถ่ายรูปกับส้มฮัลลาบงริมถนน ซึ่งก็เกือบจะถ่ายไม่ทัน เพราะแสงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว – ดังนั้นใครผ่านต้นส้มริมถนนสวยๆ ก็แวะถ่ายเผื่อฉุกเฉินเอาไว้ก่อนคร้าบ
สนามบินเชจู |
ไฟล์จากเกาะเชจูกลับมายังโซลตอน 3 ทุ่ม ยังมีเวลาขับรถกลับมาที่สนามบินเชจู 3 ชั่วโมง ซึ่งก็ต้องเอารถมาคืนที่รถเช่า Lotte และหาอะไรอร่อยๆ ทานที่สนามบินเลยครับ
หลังจากกลับมาจากเกาะเชจู ผมมีเวลาเที่ยวต่อในโซลอีก 2 วันครับ ดังนั้นครั้งนี้ผมก็ตามเก็บโลเคชั่นสุดปังที่ยังไม่เคยมาให้หมด ไม่ว่าจะเป็น Starfield Library, Ewha University, ร้านคาเฟ่ดังจากอินฟูฯเกาหลี, ตามหาทักคัลบีสุดโปรด, เนื้อแกะย่าง ฯลฯ
Ewha University |
เช็คอิน โหลดกระเป๋า ที่ SEOUL STATION
ความสะดวกสบายอีกอย่างนึงของการเดินทางด้วย Korean Air ก็คือ เราสามารถ Check-in โหลดกระเป๋า และ ทำเรื่อง ต.ม. ขาออก ที่สถานี Seoul Station ได้เลย! ซึ่งสะดวกสบาย และประหยัดเวลาที่สนามบินไปเยอะมากครับ เพราะเราไม่ต้องไปต่อแถวกับคนเยอะๆ ที่สนามบินอินซอน ทุกขั้นตอนคือ Fast Track มีช่องทางพิเศษที่สนามบินอินชอน ทำให้มีเวลาเดินช้อปปิ้งที่ Duty Free ด้านในอย่างสบายยยยยย-
เช็คอินและโหลดกระเป๋าได้เลยที่ Seoul Station |
สรุปว่าผมมาเก็บโลเคชั่นที่เกาะเชจูเรียบร้อย ใครอยากตามมาเที่ยวเชจูเผื่อเวลามาสัก 3-4 วันนะครับ วางแผนการท่องเที่ยวดีๆ เพราะถ้ามาเที่ยวเชจูด้วยตัวเองจะต้องเช่ารถครับ การจองและเอกสารจะยุ่งยากหน่อย.. แต่คุ้มค่าและเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำมากครับ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น