ความเข้าใจผิดในการเก็บข้อมูลในการทำ DATA ANALYTICS ในการตลาดออนไลน์
บทความเรื่องการเก็บข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ทางด้านการทำการตลาดออนไลน์บทความนี้ ผู้เขียนได้ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริงจากการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาทางด้านการตลาดออนไลน์และการทรานส์ฟอร์มธุรกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งมักจะเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ในธุรกิจ SME ที่กำลังจะปรับตัวเข้ากับยุคการตลาดดิจิทัลครับ
Data Analytics ในการตลาดออนไลน์ |
1. การเก็บข้อมูลเป็นเรื่องของไอทีและไกลตัว
จริง ๆ แล้วการเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ทางธุรกิจมันมีมาตั้งนานแล้ว เพียงแค่รูปแบบข้อมูลมันไม่ได้มีมิติทางโครงสร้างที่ซับซ้อนหลากหลาย และไหลรวดเร็วเหมือนในปัจจุบัน อย่างเช่น เก็บข้อมูลยอดขายในแต่ละเดือนเพื่อดูว่าอะไรขายดีสุด วันไหนขายดีสุด สาขาไหนขายดีสุด ฯลฯ ซึ่งสามารถใช้การวิเคราะห์ข้อมูลแบบพรรณาพื้นฐานง่าย ๆ ในสิ่งที่อยากรู้ได้ (แต่ก็จะเป็นเหมือนการทำรายงานนำเสนอซะมากกว่า) ทำได้ง่ายผ่านโปรแกรมพวก spreadsheet เพื่อช่วยในการคำนวณ
ความยากมันอยู่แค่ “จะรายงานอะไร, เก็บอะไร, เอามาใช้ประโยชน์อย่างไร” ทั้งนี้ลองถามตัวเองก่อนว่า ได้มีการเก็บข้อมูลพื้นฐานพวกนี้มาก่อนแล้วหรือยัง?? และได้มีการนำข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์เพื่อนำมาใช้ประโยชน์บ้างหรือยัง?? ถ้ายัง แสดงว่าคุณยังไม่เห็นความสำคัญของข้อมูลอยู่เลย ดังนั้นคงต้องเปลี่ยน Mindset และศึกษาเรื่อง Data Thinking ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะในยุคการตลาดดิจิทัล “ข้อมูล” เป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ นะครับ
2. เก็บข้อมูลทุกอย่างที่อยากเก็บ
จริงอยู่ที่ข้อมูลมันสำคัญ แต่การเก็บข้อมูลเรื่อยเปื่อยทุกอย่างแบบไม่ได้วางแผนการเก็บ หรือไม่ได้วางโครงสร้างการเก็บข้อมูลไว้ หรือไม่ได้ทำการ CLEANING จะทำให้ “เกิดข้อมูลขยะ” ที่มีปริมาณมากและไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ เท่ากับว่าข้อมูลที่เก็บมาไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้เต็มประสิทธิภาพและไม่สามารถหาความสัมพันธ์ของข้อมูลได้เลย เท่ากับว่าข้อมูลที่มาจากหลาย ๆ แผนก หลาย ๆ ส่วน ไม่มีประโยชน์สำหรับ “ใช้ตัดสินใจ” ทางธุรกิจได้เลย
ถ้าเราทำความเข้าใจเรื่อง DATA กันอย่างถ่อนแท้ และหันมามอง “ข้อมูลของธุรกิจ” ที่ตัวเองกำลังเก็บอยู่นั้นว่ามีมากน้อยเพียงใด อาจถึงบางอ้อว่า ข้อมูลที่ตัวเองมีอยู่นั้น เป็นเพียง SMALL DATA ที่ใช้เครื่องมือพื้นฐานของ MARKETING TECHNOLOGY เข้าช่วยได้อย่างง่ายดาย และใช้ความเข้าใจอย่างลึกซื้งในธุรกิจของตัวเอง ก็สามารถวิเคราะห์กลั่นกรองจนได้ “CONSUMER INSIGHT” ที่มีประสิทธิภาพกับธุรกิจได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่ด้าน DATA ANALYTICS & DATA SCIENCE เลย..
การวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกต้อง จะสามารถนำมาใช้เป็นอินไซด์ได้ |
3. เก็บข้อมูลมาถูกต้อง แต่ขาดการวิเคราะห์และนำมาใช้
สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดของธุรกิจ คือ บุคลากรในองค์กรที่ยังไม่ได้มีความคิดว่า DATA สามารถ DRIVEN ให้ธุรกิจเติบโต และฉันก็สามารถเติบโตได้ด้วย ทำให้บุคลากรหลงลืมความสม่ำเสมอในการวิเคราะห์และนำมาใช้.. ซึ่งถ้าเรามีการเก็บข้อมูลและรายงานข้อมูลอัตโนมัติไว้อย่างดีแล้ว แต่ดันไม่เคยได้หยิบจับข้อมูล เอามาหมุนมาพลิกดู เอามาทำ DATA VISUALIZATION ในมิติต่าง ๆ ดู ( อย่าง POWER BI หรือ GOGOLE DATA STUDIO) ก็อาจจะไม่เจออะไรที่สามารถหา “INSIGHT” มาใช้ได้เลยก็เป็นได้
Data Visualization จะทำให้เห็นความเป็นจริงของข้อมูลได้มากขึ้น |
และอย่าตกหลุมพรางกับคำสวยหรูของ Big Data มากนัก เพราะถ้าข้อมูลของเรายังไม่เยอะมากมายมหาศาล แสดงว่ามันก็ยังไม่ได้ซับซ้อนจนถึงขั้น BIG ก็ได้.. เอาแค่ “SMALL DATA” วิเคราะห์ให้ถูกจากคำถามที่ถูกต้อง จนได้ Insights ที่มีประโยชน์ออกมา.. นำไปทดลองใช้ ตั้งคำถามใหม่ เก็บข้อมูลเพิ่มเติม วิเคราะห์ข้อมูลอีกรอบ ได้ Insight นำไปปรับใช้ มันจะเป็นกระบวนการซ้ำๆอย่างนี้เรื่อย ๆ จนถึงถึงขั้นที่ข้อมูลของเราสามารถใช้ “ตัดสินใจ” แทนคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะข้อมูลที่แม่นยำ จะไม่โกหกคุณ… จะได้ไม่ต้องเถียงกันให้เสียอารมณ์ ใช่ครับ ถ้าไม่เริ่มเก็บข้อมูลตอนนี้ แล้วจะเริ่มตอนไหน ลุย!
พีชะ โชติช่วง, นิเทศศาสตร์ดิจิทัล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น